‘โรม’ ซัด จ้องขัดขา ‘พิธา’ โหวตนายกฯ รอบ 2 ทำลายหลักการ ‘เผาบ้านไล่หนู’
วันที่ 19 ก.ค. ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 14.09 น. นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวในสภา กรณี
ที่ประชุมเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ รอบ 2 ซึ่งที่ประชุมมีการหารือกันเกี่ยวกับ
ข้อบังคับการประชุมที่ 41 ห้ามเสนอญัตติซ้ำ ว่า การที่สมาชิกสภาไม่ต้องการให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี และจะทำลายทุกหลักการ
เหมือน “เผาบ้านไล่หนู” หรือไม่ นายรังสิมันต์ โรม ชี้ว่า หากกฎหมายไม่ต้องการให้มีการเสนอชื่อบุคคลมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีซ้ำจริง
รัฐธรรมนูญ ต้องมีการกำหนดไว้อย่างชัดแจ้งแล้ว ยกตัวอย่าง การสรรหา กกต. หากกรณีเช่นนี้มาเทียบกับการเสนอชื่อนายกฯ ยืนยัน
ก็ไม่มีบทบัญญัติใดมาห้ามเสนอชื่อนายพิธาซ้ำอีก ดังนั้นการอ้างถึง ข้อบังคับการประชุมสภาข้อ ที่ 41 จึงเป็นการไม่ถูกต้อง “หลักการเป็น
กฎหมายสูงสุด รัฐธรรมนูญ จะไม่มีกฎหมายใดมาขัด หรือแย้งกับรัฐธรรมนูญได้ พวกท่านทำเป็นไม่รู้หรืออย่างไร ไม่มีตรงไหนแคนดิเดตคนอื่น
ถูกเสนอชื่อแล้วไม่ผ่าน ห้ามมาเสนอชื่อซ้ำอีก แต่มีความมุ่งหมาย มุ่งร้าย ตีความให้ขัด รธน. เพราะต้องการขัดขา “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ใช่หรือไม่”
รังสิมันต์ โรม กล่าว ทั้งนี้ รังสิมันต์ โรม กล่าวต่ออีกว่า การตีความให้ข้อบังคับการประชุม ข้อที่ 41 มีผลห้ามแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ได้รับเสียงไม่เพียงพอ
ไม่สามารถเสนอชื่อเป็นนายกฯ ได้อีก อันนี้ยืนยันตีความขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญ ขณะที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ระบุ หลังการปลดล็อก สามารถเสนอชื่อ
แคนดิเดตนายกฯ ได้อีก และการลงมตินายกฯ ไม่ได้มีแค่กระบวนการกฎหมายเท่านั้น แต่มันคือกระบวนการประชาธิปไตย ที่ต้องสอดคล้องกับเจตจำนง
ประชาชนให้มากที่สุด มันจึงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ทำความเข้าใจอย่างสม่ำเสมอ นายรังสิมันต์ โรม กล่าวอีกว่า ที่สำคัญฝากท่านประธานสภา
ไปถึงเพื่อน ส.ส.เป็นพิเศษ วันที่ รธน. มาตรา 272 หมดเขตบังคับใช้ไปแล้ว พึงระลึก บรรทัดฐานที่พวกท่านร่วมสร้างในวันนี้ จะกลับมาสร้างความลำบาก
ให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพวกท่านเองในอนาคต ให้ระวังให้ดี สรุปว่าการพยายามตีความข้อบังคับตัดสิทธิ์ ไม่ให้ นายพิธา ลงชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี มีข้อขัดแย้ง รธน. ขัดครรลองประชาธิปไตย