ยอมเปิดทาง ‘เพื่อไทย’ จัดตั้งรัฐบาลแล้ว
‘ก้าวไกล’ แถลงขอโทษประชาชน 14 ล้านเสียง ขอส่งไม้ต่อพรรคอันดับ 2
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่พรรคก้าวไกล นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงข่าวเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลหลังจากนี้ ว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2566 เป็นการประกาศเจตจำนงของประชาชนที่ชัดเจน
ว่าต้องการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล ด้วยการลงคะแนน 14 ล้านเสียงจนชนะ เป็นอันดับ1 และอันดับ 2 ดังนั้นเป้าหมายสูงสุดของเรา ในฐานะพรรคอันดับ 1 คือการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ให้สำเร็จเพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลเดิม
แต่ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา สถานการณ์ทุกอย่างชี้ชัดว่า “ ทุกองคาพยพของฝ่ายอนุรักษ์นิยม ทั้งการเมืองจารีต ทุนผูกขาด และสถาบันองค์กรต่างๆที่เป็นบริวารแวดล้อม ทั้งหมด ไม่ยอมให้ก้าวไกล เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
โดยเอาเรื่อง มาตรา 112 มาบังหน้า และอ้างความจงรักภักดีมาปะทะกับการเลือกตั้งของประชาชน” นายชัยธวัช กล่าว
นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีการเคลื่อนไหว ผ่านคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) และศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อหวังตัดสิทธิทางการเมืองของแกนนำพรรค และยุบพรรคก้าวไกล ให้ได้
ด้วยเหตุนี้ เราจึงเห็นว่า ส.ว.จึงฝืนมติมหาชน ไม่โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีตามเสียงส่วนใหญ่ของสภาฯ มิหนำซ้ำยังกล้าทำลายหลักการ ตีความข้อบังคับของรัฐสภา ให้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เปรียบเสมือนการล้มล้างการปกครอง
หรือฉีกรัฐธรรมนูญ ผ่านกฎหมู่ เพียงเพื่อต้องการขัดขวางไม่ให้เสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ ในครั้งที่ 2
นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า พรรคก้าวไกลไม่ยอมรับ การตีความข้อบังคับดังกล่าว แต่ภายใต้การทำงานที่สอดประสานกันทั้งองคาพยพ ของฝ่ายอนุรักษ์นิยม เช่นนี้ เราจำเป็นต้องขอโทษต่อพี่น้องประชาชน
และยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า พวกเขาไม่ยอมให้พรรคก.ก. เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล การที่ นายพิธา ไม่สามารถ เป็นนายกฯ ได้ ไม่ได้หมายความว่า ภารกิจในการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อพลิกขั้วอำนาจรัฐบาลจะไม่สำเร็จไปด้วย
เป้าหมายสูงสุดของเราในฐานะ พรรคอันดับ 1 ยังคงอยู่ นั่นคือการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลเดิมให้สำเร็จ สิ่งสำคัญในวันนี้จึงไม่ใช่เรื่อง นายพิธา จะได้เป็นนายกฯ หรือไม่ แต่คือเรื่องประเทศไทย
จะกลับสู่ประชาธิปไตยได้หรือไม่ หยุดการสืบทอดอำนาจได้หรือไม่ เมื่อเป็นเช่นนี้ พรรคก.ก. จะเปิดโอกาสให้ประเทศ ให้พรรคอันดับ 2 คือพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ของพันธมิตร 8 พรรคที่เราได้เคยทำเอ็มโอยูร่วมกันเอาไว้
ดังนั้น ในการประชุมรัฐสภา ครั้งต่อไป พรรคก้าวไกล จะเสนอชื่อแคนดิเดต จากพรรคเพื่อไทย เป็นนายกฯ คน ที่ 30 เช่นเดียวกับที่พรรคเพื่อไทย เคยสนับสนุนพรรคก้าวไกล นี่เป็นคำแถลงทั้งหมดในวันนี้