ใส่นาฬิการาคาเท่าตึก 100 เรือนในโลก
ชีวิตหรู ‘ม๊าจุ๋ม กชกร’ ความสำเร็จของ ‘แบมแบม กันต์พิมุกต์’ โกอินเตอร์ระดับโลก
แฟนๆ เหล่าอากาเซ่หลายคนทราบกันดีกว่า แบมแบม GOT7 หรือ แบมแบม กันต์พิมุกต์ ภูวกุล ถือเป็นหนุ่มที่อินกับแฟชั่นมากที่สุด นอกจากการร้องและการเต้นที่ว่าเก่งแล้ว
เซนส์แฟชั่นของเขาก็ดีไม่แพ้สกิลอื่นๆ เลย จนเหล่าอากาเซ่ยกให้เขาเป็นเจ้าพ่อแฟชั่นเป็นที่เรียบร้อย และหนึ่งในแฟชั่นที่ หนุ่มแบมแบม ชื่นชอบมากๆ จนถึงขั้นสะสมมีเป็นสิบๆ
ก็คือนาฬิกานั่นเอง บอกกเลยว่าแต่ละเรือนราคาเอาเรื่องเลยล่ะค่ะ ล่าสุด หนุ่มแบมแบม ปรากฎตัวในบทบาทพิธีกร STAGE W ช่อง KBS World พร้อมนาฬิกาหรูคู่ใจ
และในเวลาต่อมามีการเปิดเผยว่านาฬิกาเรือนนี้ เป็นทองคำขาวประดับเพชร 8.68 กะรัต ทั้งหมด 1,675 ชิ้นรอบตัวเรือน รวมไปถึงสายด้วยปกติรุ่นนี้แบบไม่มีเพชร
จะมีราคา 1.7 ล้านบาท แต่เพราะผลิตมาน้อย เลยทำให้มีการดั๊มราคาขึ้นไปสูงถึง 2.8 ล้านบาท และโดยเฉพาะรุ่นประดับเพชรทั้งเรือนของแบมแบม นั้นมีราคาสูงถึง 14.1 ล้านบาทเลยทีเดียว
อื้ออออเรียกว่าหล่อ แถมรวยตั้งแต่อายุยังน้อยเลยนะเนี่ย การเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว จุดที่ยากสุดคืออะไร สิ่งที่ยากและหนักใจที่สุดเลยก็คือ “ความคิดเห็นของคนอื่น” ซึ่งตอนที่พ่อเค้าเสีย
ลูกแต่ละคนยังเล็กมากก็จะมีหลายคนที่เสนอและอยากที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยด้วยการ “ฉันเอาลูกคนนี้ไปเลี้ยงให้ไหม” ซึ่งเราเองก็ไม่อยากให้ลูกเรากระจัดกระจาย เพราะฉะนั้นสิ่งเดียวที่จะผ่านมันไปได้
คือต้องทำให้ทุกคนเห็นว่าเราสามารถเลี้ยงลูกเองและหาให้ลูกกินได้ ถึงบางครั้งมันจะไม่มีเลย แต่ก่อนกินแต่ไข่กันทั้งอาทิตย์เราก็ผ่านมาแล้ว หยิบยืมเงินจากคนอื่นเพื่อมาเลี้ยงลูกก็ผ่านมาแล้ว
เพราะด้วยความหวังดีจากหลายคนมันทำให้ชีวิตแทบจะไม่เป็นของเราเลย ต้องบอกเลยว่าได้เรียนรู้ชีวิตช่วงนั้นเยอะมาก เราเลยบอกลูกว่าถ้าไม่อยากอยู่ในสภาพแบบนี้ต้องช่วยกันนะ
ต้องช่วยกันทำมาหากินให้รอดไปได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งคนอื่น แล้วลูกก็ต้องรู้จักใช้เงินและขยันทำมาหากิน เวลาไปขายของที่ตลาดนัดลูกทุกคนต้องไปช่วยกัน เพื่อพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นว่าถึงเราจะไม่รวยเราก็อยู่ได้
ตอนตัดสินใจให้ลูกชายตัวน้อยๆในวันนั้นอย่าง “แบมแบม” ไปทำงานไกลตา รู้สึกยังไง จริงๆเรารู้ว่าเค้าพอดูแลตัวองได้ และเราเองก็ศึกษาบริษัท รวมถึงข้อเสนอต่างๆของค่ายค่อนข้างเยอะ
ทั้งเรื่องที่อยู่ – ที่กิน ทำให้เราค่อนข้างอุ่นใจว่าถ้าลูกไปน่าจะไม่ต้องลำบากเท่าตอนที่อยู่กับเรา และแม่ก็ให้แบมตัดสินใจเองว่าจะไปหรือไม่ไป ซึ่งเราจะบอกกับลูกเสมอว่า “ไม่จำเป็นต้องทำให้สำเร็จกลับมา”
ถ้าไม่ไหวก็กลับมาอยู่บ้านเรา เราอยู่ได้เหมือนที่เคยอยู่ด้วยกันมาตั้งนาน เพราะถ้าอยู่ที่นั่นจริงๆแรงกดดันเยอะมากนะ แล้วถ้ายิ่งไปกดดันลูกว่า “เธอต้องทำให้ได้” ลูกเราก็จะไม่ไหวและกดดันเพิ่มขึ้นไปอีก
ตอนนั้นคุณแม่ติดต่อลูกยังไง ตอนแรกที่แบมไปเราช็อคมาก เพราะโดนค่าโทรศัพท์ไป 7,000 กว่าบาท หลังๆมาเราก็ให้ลูกเป็นคนโทรมาแล้วบอกว่า “จ่ายให้ม๊าด้วยนะลูก”
แต่ตอนนั้นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีก็มากขึ้น การสื่อสารก็เริ่มพัฒนา นอกจากโทรคุยกันเรายังวิดีโอคอลคุยกันได้ ก็สบายใจเพราะต่อให้ลูกไปอยู่ที่นู่น เราก็ยังรู้ความเคลื่อนไหวของลูกอยู่ตลอดเวลา เค้าเองก็ไม่มีเคยความลับกับเราเลย
วินาทีแรกที่ได้เห็นลูกเรายืนอยู่บนเวทีและประสบความสำเร็จ รู้สึกอย่างไรบ้าง ภูมิใจมาก จริงๆอย่างแบมเนี่ยเป็นอะไรที่เกินคาดเอาไว้เยอะมาก ไม่คิดว่าลูกจะดังและมีคนรักเยอะขนาดนี้
คิดว่าอย่างมากก็น่าจะช่วยที่บ้านได้ระดับนึง เช่น ถ้าสมมุติเดือนนี้เรากิน 20วัน อด10วัน แต่ถ้าแบมทำตรงนี้ได้ เราอาจจะได้กินทั้งเดือน ตอนแรกคิดและหวังไว้แค่นี้จริงๆ แต่สิ่งนึงที่ต้องยอมรับเลยก็คือ
เท่าที่ดูลูกตัวเอง แบมเป็นเด็กที่พยายามพัฒนาตัวเองตลอดเวลา แบมจะพยายามคิดตลอดเวลาว่าจะทำยังไงให้ตัวเองทำงานออกมาได้ดีกว่าเดิม เค้าจะมีเป้าหมายของเค้าทุกปีว่าปีนี้จะต้องทำแบบนี้ให้ได้นะ
ด้วยความเป็นเด็กไทยและเราเองก็สอนให้ลูกอ่อนน้อมถ่อมตน แบมไปไหนก็จะอ่อนน้อมและไหว้ทุกคนเสมอ จนทำให้ทุกคนเอ็นดูและช่วยสนับสนุนลูกอยู่ตลอด