“แจ็คกี้ ชาเคอลีน” หรือ “แจ็คกี้ แม่น้องบอง” เผยเส้นทางชีวิตในวงการบันเทิง 13 ปี บอกช่วงชีวิตที่ยังไม่มีแสง โดนดาราเบอร์ใหญ่เมินใส่แรงมาก แต่วันนี้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
ชีวิตพลิกแรงเมื่อเจอต้นกระบองเพชรทำให้เป็นที่รู้จักสำหรับ แจ็คกี้ แม่น้องบอง หรือ แจ็คกี้ ชาเคอลีน เผยเส้นทางในวงการ 13 ปี ล่าสุดขึ้นแท่นเป็นนางเอกดังเปรี้ยงเรตติ้งกระฉูดจากละคร นางฟ้าอสูร ที่ถูกดองออกอากาศมานาน พร้อมกับเล่าย้อนกลับไปถึงช่วงชีวิตที่ยังไม่มีแสง โดนดาราเบอร์ใหญ่เมินใส่แรงมาก แต่วันนี้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
เมื่อถามว่า 13 ปีในวงการบันเทิงที่ผ่านมาเคยโดนเหยียดโดนดูถูก พอมาถึงวันที่มีชื่อเสียงคนที่เคยดูถูกเราเปลี่ยนไปไหมแค่ไหน แจ็คกี้ บอกว่า เป็นเรื่องดี พอเราเปลี่ยนแปลง คนที่แทบจะไม่คุยกับเราเลย ทั้งที่อยู่กองเดียวกัน ใครอยากคุยกับเรา ใครไม่อยากคุยกับเรา เราสัมผัสได้ถึงพลังงาน
แจ็คกี้เคยเจอถึงขั้นว่ายกมือไหว้แล้วเขาปลายหางตามองแล้วทุกวันนี้คือทักไดเร็กต์มา พี่มีงานนี้ช่วยหน่อย เลยบอกไงว่าข้อดีของการอยู่มา 13 ปี มันเห็น แต่หนูก็ช่วยเขา รวมไปถึงเคยโดนแยกโต๊ะกินข้าวกองถ่าย แจ็คกี้ เผยว่า เจออารมณ์แบบประมาณว่าโต๊ะผู้จัด แต่นี่แปลกมีโต๊ะพระนาง
เราก็งงทำไมต้องแยก แต่ประเด็นคือพระนางก็ไม่ได้ยินดีที่จะไปนั่งแยก พระนางก็มีความว่าแยกทำไมแล้วนึกออกไหมเราทำงานมาทั้งวัน ช่วงเวลากินข้าวมันคือช่วงเวลาเม้าท์มอย บางคนเขาก็น่ารักเขาก็อยากเม้าท์ ให้เขาไปนั่งกันสองคนเขาจะคุยอะไรกัน
ถามว่าตอนนี้ดาราเบอร์ใหญ่ที่เคยเมินใส่เปลี่ยนไปขนาดไหน แจ็คกี้ บอกว่า ตอนนี้สิ่งที่เห็นได้ก็คือ คนที่ไม่น่ารักกับเรา หันกลับมาน่ารักกับเรา คนทำงานวันแรกกับเรายังไง วันนี้ทำงานกับเรายังไง มันเปลี่ยนจริงๆ มันเปลี่ยน ส่วนอักษรย่อว่าดาราเบอร์ใหญ่ย่อว่าเป็นใครเธอบอกสั้นๆ ว่าเยอะหลายคน
“แจ็คกี้ ชาเคอลีน” ลั่นแม้งานออนไลน์จะสร้างชื่อเสียงและทำเงินให้มากมาย แต่ไม่คิดทิ้งงานละคร ไม่กั๊กชวนคนรอบตัวทำคอนเทนต์ บอกกว่าจะสนิทกับกล้อง หาตัวตนเจอต้องใช้เวลา เหงาไม่มีแฟน คนรอบข้างบอกตนปากเก่ง แต่สุดท้ายโง่เรื่องความรัก โควิดซาจะเริ่มแรดแล้ว
ถือเป็นอีกปีนึงที่ปังสำหรับนักแสดงสาว “แจ็คกี้ ชาเคอลีน มึ้นช์” ที่ผันตัวเข้าสู่โลกออกไลน์ เป็นยูทูบเบอร์ ไลฟ์สดจนมีเอฟซีติดตามและเอ็นดูเพียบ ซึ่งแจ๊คกี้เล่าให้ฟังว่าตนอยู่ในวงการบันเทิงมา 13 ปีแล้ว แม้ช่วงนี้งานออนไลน์จะเฟื่องฟู ทำชื่อเสียงเงินทองให้มากมายแต่แจ๊คกี้ก็ไม่ขอทิ้งงานละคร ยังขอบาลานซ์ให้สัดส่วนความสำคัญเท่าๆ กัน
“อาจจะเป็นว่าเราไม่ได้คิดเยอะอะไรแบบนั้นด้วยมั้งคะ อย่างคนอื่นเขาอาจจะมองเรื่องการวางตัวเองเป็นหลัก แต่อย่างเราจากเมื่อ 13 ปีก่อน จนถึงวันนี้ เรายังสนุกกับการแสดง เราชอบที่จะทำมันทุกบทบาท เราก็อาจจะไม่ได้มองเรื่องการวางตัวเป็นหลักเอง เรามองเรื่องที่ว่าเราเล่นทุกตัวละครอย่างมีความสุขเป็นหลัก อย่างทุกวันนี้เราก็มองเรื่องการวางตัวส่วนหนึ่ง เราต้องยอมรับว่าตอนนี้เรามีรายได้จากทางอื่นเพิ่มขึ้น ซึ่งเราก็ไม่อยากที่จะให้ฝั่งโน้นหยุด แล้วมาฝั่งนี้
เราอายุ 28-29 ปีแล้ว เราก็ไม่รู้ว่าเราจะมีขึ้นแบบนี้อีกไหม จะมีคนรู้จักเราเพิ่มขึ้นอีกหรือเปล่า หรือมันค่อยๆ ถอยลงไป เราก็อยากที่จะเก็บเกี่ยว ณ เวลานี้ ดังนั้นงานเก่าเราก็อยากทำ งานใหม่เข้ามาเราก็ไม่อยากปฎิเสธอ งานเก่าเราเก็บเอาไว้ ดังนั้นเราก็ต้องเลือกมากขึ้น”
ปังในสายงานออนไลน์ แต่ก็ไม่คิดทิ้งงานละคร
“ส่วนใหญ่เป็นงานทางออนไลน์ พวกไลฟ์สดขายของ บางทีลูกค้าเขาก็อยากหาดาราที่สามารถเอ็นเตอร์เทนได้ เราก็จะไปตรงนั้น ตัวเองไม่ได้มานั่งไลฟ์สดขายของตัวเองจริงจังขนาดนั้น ของเราเป็นส่วนขอคอนเทนต์ตลกๆ มากกว่า นอกจากนี้ก็มีงานพิธีกร ดังนั้นเราต้องจัดสรรเวลาให้ดี ทีนี้มันไปด้วยกันไม่ได้แล้ว เราก็ต้องเลือกว่าจะเลือกงานเก่า หรืองานใหม่ ซึ่งเราไม่อยากลือก ดังนั้นเราต้องวางแผน ว่าปีนี้เราไหวที่กี่เรื่อง เราก็ดูตรงนั้นดีกว่า
ไม่อยากให้เวลาใครมากกว่า อยากให้เวลาเท่ากัน เพราะว่าละครก็เป็นสิ่งที่เรารักที่จะทำ คิดว่ายังไงจะไม่เลิกเล่นละคร รับเท่าที่เรารับไหว อาจจะต้องมีบอกกับทางช่องตามตรง ว่าไม่ได้เลือกนะ แต่ว่ารับทั้งหมดมันไม่ไหว”
ไม่คิดว่าใครจะมาเป็นคู่แข่งแถมชวนคนรอบตัวมาทำคอนเทนต์ออนไลน์ด้วยกัน ลั่นกว่าจะเจอคาแรกเตอร์ตัวเองต้องใช้เวลาเหมือนกัน
“มีชื่อเสียงมากขึ้น คาแรกเตอร์ในออนไลน์ก็จะชัดนิดหนึ่ง แต่ในทีวีคาแรกเตอร์ก็จะเป๋ๆ หน่อยนึง(หัวเราะ) บางทีร้ายบ้างดีบ้าง ไม่มองใครเป็นคู่แข่งเลย อยากให้ทุกคนทำด้วยซ้ำ บอกเพื่อนสนิททุกคนเลยว่าต้องทำออนไลน์อย่างใดอย่างนึง หาเสน่ห์ของตัวเองให้เจอ ทำไปเรื่อยๆ แจ็กกี้เข้าใจ อย่างดาราบางคนทำก็มีชื่อเสียงมาก
บางคนอาจจะทำแล้วปังเลย แต่ว่ามันมีหลายคนที่ทำแล้วไม่ดีเท่าที่ควร กี้รู้สึกว่าทำไปเรื่อยๆ เดี๋ยวเราจับทางของเราได้เอง กี้ไม่ได้ไลฟ์ตลกตั้งแต่ครั้งแรก กี้ก็รักษาฟอร์มความเป็นนักแสดง เราเป็นนักแสดงเราก็ทำของเราไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าเราสนิทกับกล้องมือถือของเราแล้ว พร้อมที่จะเป็นตัวเองเต็มที่เมื่ออยู่ต่อหน้ากล้องในการไลฟ์สด เราเองก็นานเหมือนกันกว่าที่จะหาตัวเองเจอ ไลฟ์สดหลายรอบมาก มีหลายครั้งที่ไลฟ์ไปแล้วเราก็ลบ ถึงตอนนี้ก็มีนะที่ไลฟ์ไปแล้วก็ลบ อย่างตอนทำเพลงเราก็ทำเองหมดเลยนะ ทำเนื้อ ทำซาวด์ ตัดต่อ ทำเองหมด”
เหงาอยู่นะไม่มีแฟน
“มันก็ดีนะ มันเข้ามาในเวลาที่พอดีกัน มันทำให้เราไม่เหงา แต่ว่ามันยังไม่มา(หัวเราะ) คิดเล่นๆ อยู่เมื่อไหร่จะมา มันไม่ใช่ว่าเราไม่เหงาเลยนะ มันก็มีช่วงจังหวะแว้บเข้ามาเลย เหงาเนอะ ขับรถกลับบ้านไม่มีใครโทร.หาเลย
ไม่มีใครให้โทร.หาเลย แต่พอนึกถึงงานที่รอเราอยู่ที่บ้าน มันก็เหงาได้แป๊บเดียวเท่านั้นแหละ 5 วิ แล้วกลับไปบ้านเราก็มีงานต่อแล้ว
มันมีแป๊บหนึ่ง โอ้ยเหนื่อยจังเลย ต้องขนของขึ้นห้อง มันก็มีแบบอยากมีคนช่วยขนจังเลย แต่มันก็ได้แค่นี้ 5 วิ แล้วพอคิดถึงงานที่รออยู่ อ้าว ขนเสร็จแล้วยังไงต่อ ก็โอเคไปต่อ”
มีหนุ่มมาจีบแต่ยังไม่ถูกใจ เลยไม่เอามาเป็นตัวขั้นเวลาคลายเหงา โควิดเจอคนน้อยแล้วเป็นคนไม่เปิดใจกับคนที่ไม่รู้จัก
“มันก็มี แต่ก็ยังไม่มีใครที่ถูกใจ เราก็รู้สึกว่า ถ้าคนที่ไม่ถูกใจ เอาเขามาเป็นตัวคั่นเวลามันก็ไม่แฟร์ ถามว่าสเปกของเราเป็นยังไง ก็ไม่รู้นะ คงต้องเป็นผู้ใหญ่ ไม่ทำให้เราปวดหัว เพราะว่าเราทำงานเยอะ อยากให้ช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกันมันมีแต่ความสุข เราระบายในส่วนของเราได้ เขาระบายในส่วนของเขาได้ แต่ต้องไม่เอาปัญหามาให้เราเพิ่ม เขาต้องจัดการปัญหาของตัวเองได้ระดับนึง
คนที่เข้ามาก็มีทุกรูปแบบแต่มันอยู่ที่หลายอย่างด้วย อย่างช่วงนี้มันเป็นยุคโควิดมันเจอกันได้น้อย แล้วเราทำงานแบบนี้ด้วย จะเอาเวลาไหนไปเจอคน ดังนั้นเวลาที่เราจะเจอใครมันก็น้อย ส่วนใหญ่ที่เจอก็จะมาจากโลกออน์ไลน์ หรือว่าเพื่อนของเพื่อนที่ทักเข้ามา ส่วนตัวเป็นคนไม่ค่อยเปิดใจกับคนที่เราไม่เคยเจอ ไม่รู้จักด้วย”
คนรอบข้างบอกตนปากเก่ง แต่สุดท้ายแล้วโง่เรื่องความรัก โควิดซาจะเริ่มแรดแล้ว ลั่นเป็นครจริงจังกับความรัก แต่ผู้ชายมักคิดว่าแค่แซวเล่น
“คนที่คุ้นเคยไม่มีมาจีบนะ หรือว่าเขาจีบแต่เราไม่รู้ อันนี้ก็ไม่ทราบ เพื่อนจะบอกว่าเราปากเก่ง แต่สุดท้ายแล้วเราโง่เรื่องของความรัก(หัวเราะ) เราก็ไม่รู้หรอกว่าจริงไหม แต่อันนี้คนรอบข้างบอก คือเรารู้สึกว่าเราเป็นคนแรดคนนึงเลย เราจะพูดทุกครั้งเลยว่า หมดโควิดนี้ฉันจะแรดให้เต็มที่ เพื่อนก็ตบบ่าเบาๆ แล้วบอกว่าเริ่มแรดให้ได้ก่อนแล้วค่อยพูด(หัวเราะ) เออ นั้นก็ได้ เราก็มองนะ เต๊าะเขาไปเรื่อย เพียงแต่ว่าเรามองว่าเป็นเรื่องสนุก ไม่ได้ไปจริงจัง เพราะว่าเราเป็นคนที่จริงจังเรื่องความรักมาก แต่ผู้ชายก็คิดว่าเราแซวเล่นๆ”