“เหลือเฟือ มกจ๊ก” สร้างความเสียงหัวเราะผ่านหน้าจอโทรทัศน์ให้คุณผู้ชมมานาน นับว่าเป็นอีกหนึ่งศิลปินตลกที่หลายคนต่างรู้จัก แต่กว่าที่จะก้าวไปถึงดวงดาวแห่งความสำเร็จ เส้นทางชีวิตของ “เหลือเฟือ” ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแต่อย่างใด ตรงข้ามเขาต้องสู้ชีวิตมาสารพัดกว่าจะมีวันนี้ มีทั้งเรื่องราวร้ายดีผ่านเข้ามาอย่างโชกโชนเส้นทางของเขาต้องต่อสู้กับสิ่งใดบ้าง รวมถึงลูกๆทั้งสามคนที่ เหลือเฟือ เฝ้าฟูมฟักเพราะลูกคือความสุขในทุกลมหายใจเหลือเฟือ มกจ๊ก เปิดเรื่องราวในชีวิตพร้อมและเผยความรักแบบหมดเปลือกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ เหลือเฟือ มากรุงเทพฯ เพื่อตามหาแฟนคนแรก ตื่นเต้นสุดเซิร์ชเฟซบุ๊กหาแฟนคนแรก พร้อมเผยสาเหตุต้องเลิกรากับแฟนเพราะไม่มีเวลาให้กัน ละเลยหน้าที่สามีจนภรรยาขอหย่า!!ถึงรักจะพังเพราะความหึงหวงโดนภรรยาขอเลิก! แต่เรื่องลูกขอเป็นคนดูแลเองไม่ให้ลูกต้องรู้สึกขาด น้ำตาของ เหลือเฟือ กับความรู้สึกผิดและคิดถึงเมื่อรู้ว่าภรรยาจากไปแล้ว ทุกวันนี้ยังจำเรื่องราวระหว่างกันได้เสมอ แทบจะต้องขอโทษลูกเพราะตัวเองเป็นผู้ชายที่เลี้ยงลูกสาว ไม่เคยถักเปียหรือแต่งตัวสวยๆ ให้ลูก ความรู้สึกของพ่อที่ต้องเลี้ยงลูกสาวด้วยตัวเอง พร้อมกับเคลียร์ข่าวผอมเพราะตรอมใจ แต่ใครๆหาว่าเป็นเอดส์ ข่าวออกพาดหัวจนตัวเองต้องไปตรวจเพื่อความแน่ใจความรัก?
เหลือเฟือ : อันนี้เป็นแม่ของลูกเลยครับ ผู้หญิงคนนี้เห็นตัวตนผมตั้งแต่ผมยังไม่ประสบความสำเร็จ จนผมมาประสบความสำเร็จที่เลิกรากันกับแฟนมันไม่มีเวลาให้กันเลย แต่ ณ วันนั้นผมก็ไม่รู้ตัวเลยว่าครอบครัวกำลังมีปัญหาเพราะคิดว่าครอบครัวผมอบอุ่นอยู่ ครอบครัวผมได้ไปเที่ยวห้างนะ ลูก เมีย ผมอยากกินอะไรได้กินนะเพียงแต่ไม่มีผมเท่านั้น ผมว่าผมละเลยด้วยครับ
แต่สุดท้ายความรักก็พัง ?
เหลือเฟือ : มีเรื่องหึงหวงบ้างครับ เขาก็ว่าเรา เห็นเต็มตาแบบนี้ไม่เอาแล้ว ขับมอเตอร์ไซค์ชนรถ
ทางฝั่งพี่ผู้หญิงคือ ขอเลิก
เหลือเฟือ : ขอเลิกแต่สุดท้ายเราก็บอกว่าเราขอลูกในเมื่อผมทำเอามาแล้วลูกคือลูกเรามันคือ เลือดเราต่อให้แลกด้วยลูกตาผมก็ยอมผมจะต้องเป็นคนดูแลไม่ให้ลูกรู้สึกขาด
ถามตรงๆได้ทำหน้าที่ สามี ไหม
เหลือเฟือ : นั่นคือสิ่งที่คาใจผม 3 ปี ที่ผมไม่มีอะไรกับเขาเลย เขาเลยขอหย่าตอนนั้นคือ ลูกเราจะไปอย่างไรมันร้ายแรงขนาดนั้นเหรอ !! เขาก็บอกว่าไม่ต้องพูดขอหย่า เขาพูดไปก็ร้องไห้ไปเราก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรก็แสดงว่าเราทำกับเขาไว้หนัก
จากวันนั้นถึงเดี๋ยวนี้ทุกวันนี้ ??
เหลือเฟือ : ชื่อของเขายังอยู่ในทะเบียนบ้านผมอยู่เลย แต่ไม่เคยเจอเขาอีกเลยผมอยากหาเขานะครับ อยากเจอเขาผ่านไปหลายปีผมก็อยากจะเซอร์ไพรส์วันเกิดลูก ก็เลยอยากไปตามหาเขาไปที่สำนักงานเขตเขาก็บอกว่า (จะร้องไห้) เขาเสียแล้ว คือ ณ ทุกวันนี้ก็ยังจำได้เสมอว่าวันที่เราคุยกัน วันที่เราจีบกัน เราที่เราเลิกกัน
เหลือเฟือ : คืออย่างไรเราก็ต้องเป็นทั้งพ่อบ้านและแม่บ้าน ผู้ชายเลี้ยงลูกบางทีแอบแทบจะขอโทษลูกนะเราไม่มีเวลาที่จะหวีผมให้ลูกไปโรงเรียนเราแต่งตัวไม่สวยเหมือนคนอื่นให้ลูกไม่เป็น
แล้วอย่างพวกเทศกาล เช่น วันแม่
เหลือเฟือ : ถ้าวันแม่ให้ลูกลาโรงเรียนแล้วก็พาลูกไปเที่ยว แต่ไม่ใช่ตามที่เขาจัดงานวันแม่นะครับ เพราะเราไม่อยากให้เขาไปเห็นภาพ คือ บางคนไม่เข้าใจหรอกผมเคยให้ไปแล้ววันแม่ เราก็แอบดูแล้วคิดอยากจะใส่กระโปรงขึ้นไปแบบที่เราเคยใส่เล่นตลกแต่ลูกก็จะไม่กล้ากราบ
ข่าวอะไรก็ออกมาว่าป่วยเป็นโรคเอดส์อะไรวุ่นวายไปหมด
เหลือเฟือ : ตอนนั้นตอนตรอมใจ ก่อนขึ้นศาลแย่งลูกกันผมก็เครียดน็อกเลยผอม เขาก็พาดหัวข่าวตกอับเป็นโรคเอดส์ อะไรสักอย่างผมก็ตายแล้วทรงเราก็เหมือนด้วยผอมก็เลยไปหาหมอเลยขึ้นหาหมอ 4 ชั่วโมง หมอเรียกชื่อขึ้นไปผมขึ้นไปถามหมอคำแรกผมเป็น โรคเอดส์ ไหมครับ พอหมอบอกว่าไม่เป็นผมกระโดดดีใคเลย จนหมอถามว่าทำไมคุณคิดว่าคุณเป็นเราก็เพราะว่าข่าวลงครับ
โดย เหลือเฟือ มกจ๊ก ยอมรับว่า ที่หายหน้าหายตาไปจากจอทีวีช่วงหนึ่งนั้นเป็นช่วงที่ตนตัดสินใจเลิกบุหรี่ เลิกเหล้า ด้วยการหักดิบ ทำให้ร่างกายปรับสภาพไม่ทัน จนร่างกายน็อก ต้องหยุดพักรักษาตัวเพื่อให้ร่างกายกลับมาแข็งแรงอีกครั้งก่อนจะเริ่มรับงานใหม่ ส่วนเหตุผลที่ใช้วิธีหักดิบ เพราะรู้ตัวดีว่าหากจะเลิกด้วยการค่อยลด ๆ นั้น คงเป็นไปได้ยาก เนื่องจากตนเป็นคนที่สูบบุหรี่มานาน ตั้งแต่อายุ 20 ปีต้น ๆ ทั้งยังเป็นคนที่สูบบุหรี่หนักมาก จะมีช่วงที่ไม่สูบบุหรี่ก็แค่ตอนกินข้าวและตอนนอนเท่านั้น
เหลือเฟือ เล่าต่อว่า ตอนที่เลิกบุหรี่ได้ ตนรู้สึกดีใจเหมือนได้ชีวิตใหม่และเป็นการให้รางวัลที่ยิ่งใหญ่กับตนเอง ลูก ๆ และคุณแม่อีกด้วย สำหรับใครที่กำลังคิดอยากเลิกเหล้า เลิกบุหรี่นั้น ตนก็ขอเป็นกำลังใจให้คุณทำได้สำเร็จ เพราะมันดีต่อตัวคุณ และคนในครอบครัวเป็นอย่างมาก ดีทั้งเรื่องสุขภาพของตัวเองและคนในครอบครัว ทั้งยังประหยัดค่าใช้จ่ายไปอีกเยอะ
ส่วนกระแสข่าวลือที่ว่าตนป่วยเป็นโรคเอดส์นั้น ขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เพราะช่วงที่ตนหายหน้าหน้าตาไป แถมยังมีร่างกายทรุดโทรม ช่วงนั้นเป็นตอนหักดิบ เมื่อร่างกายกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม ตนก็เริ่มรับงานแสดง งานโชว์อีกครั้ง ซึ่งที่ผ่านมาก็มีงานเข้ามาเรื่อย ๆ รายได้ที่เข้ามาก็เพียงพอต่อการใช้จ่ายในครอบครัว แต่ก็ยอมรับว่ามีบางช่วงที่รายได้น้อย เพราะบางงานที่ตนรับไว้ก็มีงานช่วยที่ไม่ได้ค่าจ้างด้วย เมื่อรายได้น้อยลงตนก็ใช้จ่ายให้น้อยลงตามไป แค่นี้ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรมากมาย แต่หากดูแล้วว่ามีรายจ่ายบางอย่างที่ไม่สามารถตัดออกไปได้จริง ๆ ตนก็จะขวนขวายหางานเพิ่มขึ้น
เหลือเฟือ เล่าถึงลูก ๆ ทั้ง 3 คนด้วยว่า ตอนนี้ลูกสาวและลูกชายของตนก็เริ่มโตขึ้นเรื่อย ๆ อย่างลูกสาวคนโต ก็อายุ 21 ย่าง 22 ปี ส่วนลูกสาวอีกคน ก็อายุ 16 ปีแล้ว ขณะที่ลูกชายคนเล็ก เพิ่งอายุ 7-8 ขวบ ซึ่งทุกคนยังอยู่ในวัยเรียนกันทั้งหมด ถ้าถามว่าตนเหนื่อยไหมที่ต้องหาเงินมาส่งเสียลูก ตนบอกเลยว่า ไม่เคยเหนื่อย ไม่เคยท้อเลยสักครั้ง เพราะตนมีความสุขกับการส่งเสียให้ลูก ๆ ได้เรียน และจะขอสู้ไปเรื่อย ๆ ตราบใดที่ลูก ๆ ยังตั้งใจเรียนสำหรับเรื่องที่ตนเคยมีคดีความกับอดีตภรรยาเรื่องการแย่งสิทธิ์เลี้ยงดูลูกชายคนเล็ก เพราะตนอยากดูแลลูกชายด้วยตัวเอง เนื่องจากตอนที่แยกทางกัน อดีตภรรยาได้เอาลูกชายไปดูแล แต่ด้วยความที่เขาต้องทำงาน ทำให้มีหลาย ๆ ครั้งที่ต้องฝากลูกชายไว้กับตายาย ซึ่งเรื่องนี้ตนคิดว่าลูกควรอยู่ใกล้ชิดกับพ่อแม่มากกว่า เพราะจะให้ความรู้สึกอบอุ่นมากกว่าอยู่กับญาติพี่น้องคนอื่น ก็ตัดสินใจคุยกันเพื่อขอลูกมาดูแลเอง แต่เขาไม่ให้ จึงมีเรื่องฟ้องร้องกันอย่างที่เป็นข่าว
และหลังจากที่ตนแยกทางกับอดีตภรรยา ตนก็พยายามทำความเข้าใจกับลูก ๆ ทั้ง 3 คนว่า แม้พวกเขาจะมีพ่อคอยดูแลเพียงคนเดียว โดยไม่มีแม่คอยดูแลแบบคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาขาดความอบอุ่น หรือผิดแปลกไปจากครอบครัวอื่น เพราะถึงไม่มีแม่ ก็ใช่ว่าจะไม่มีพ่อ และที่สำคัญถึงไม่มีแม่ ก็ไม่ได้หมายความว่า ลูก ๆ จะเป็นคนไม่ดี ซึ่งเรื่องนี้ตนก็ไม่มั่นใจว่าลูก ๆ จะเข้าใจมากน้อยแค่ไหน ก็ได้พยายามพูดและทำความเข้าใจกับเขาเรื่อย ๆ
ทั้งนี้ เหลือเฟือ ยังกล่าวทิ้งท้ายไว้อีกว่า ตนคงไม่สามารถไปแนะนำการเลี้ยงลูกกับคุณพ่อคุณแม่คนไหนได้ เพราะแต่ละคนย่อมมีวิธีเลี้ยงลูกในแบบของตนเอง แต่ก็อยากบอกว่า ขอแค่คุณเลี้ยงเขาให้ดีที่สุดเท่านั้นก็พอแล้ว